หลักสูตรและเกณฑ์การฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน เพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาวิชาจิตเวชศาสตร์

สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา

Somdet Chaopraya Institute of Psychiatry

หลักสูตรฝึกอบรมของสถาบันฯ ได้กำหนดให้มีการจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแนวทางการจัดการฝึกอบรมตามหัวข้อต่อไปนี้


1) การบริบาลผู้ป่วย (Patient care)

หลักสูตรฝึกอบรมของสถาบันฯ ได้จัดตารางการฝึกอบรมที่มีความเหมาะสมกับบริบทของสถาบันฯโดยมีการมอบหมายให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรับผิดชอบในกิจกรรมต่างๆภายใต้การ
ควบคุมของอาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรบ ดังต่อไปนี้

1. แพทย์ประจำบ้านปีที่ ๑ เรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลทางจิตเวชศาสตร์ระดับไม่ซับซ้อน ได้แก่

- ความรู้พื้นฐานทาง psychological science ในโรคที่พบบ่อย

- การประเมินทางจิตเวชศาสตร์ ได้แก่ การสัมภาษณ์ทางจิตเวช (psychiatric interviewing) การตรวจร่างกาย และ การตรวจสภาพจิต (mental status examination) เพื่อนำไปสู่การ
วินิจฉัย วินิจฉัยแยกโรค ความเข้าใจสาเหตุ การเกิดอาการและสามารถวางแผนการรักษาเบื้องต้นได้

- การดูแลโรคหรือภาวะทางจิตเวชที่ไม่ซับซ้อนที่พบบ่อยในเวชปฏิบัติ

- Emergency management เช่น aggression แล suicide

- Basic psychological support

2. แพทย์ประจำบ้านปีที่ ๒ และ ๓ เรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลทางจิตเวชศาสตร์ระดับซับซ้อน ได้แก่

-การประเมินทางจิตเวชศาสตร์ ได้แก่ การสัมภาษณ์ทางจิตเวช (psychiatric interviewing) การตรวจร่างกาย และ การตรวจสภาพจิต (mental status examination) ในผู้ป่วยที่มีความซับซ้อน เพื่อ
นำไปสู่การวินิจฉัย วินิจฉัยแยกโรค ความเข้าใจสาเหตุ การเกิดอาการและสามารถวางแผนการรักษาได้

- การดูแลโรคหรือภาวะทางจิตเวชที่ซับซ้อนและ/หรือพบน้อยในเวชปฏิบัติ

- การดูแลโรคหรือภาวะทางจิตเวชในบริบทต่าง ๆ เช่น ในการรับปรึกษาจากแผนกต่าง ๆ ในโรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลจิตเวช

- Psychological intervention ในประเด็นที่สำคัญได้

- การฝึกปฏิบัติงานในสถานบำบัดผู้ป่วยจิตเวชที่มีความจำเพาะ เช่น จิตเวชศาสตร์ด้านการเสพติด เด็กวัยรุ่น ผู้สูงอายุ หรือ การนอนหลับ


2)

แผนการฝึกอบรม/หลักสูตร

2) ความรู้และทักษะหัตถการเวชกรรมทางจิตเวชศาสตร์ (Medical/psychiatric knowledge and procedure skills)

1. แพทย์ประจำบ้านปีที่ ๑ เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานทางจิตเวชศาสตร์ เช่น พฤติกรรมศาสตร์ จิตเวชศาสตร์ทั่วไป และ จิตเวชศาสตร์ฉุกเฉิน

2. แพทย์ประจำบ้านปีที่ ๒ และ ๓ เรียนและปฏิบัติงานในสาขาวิชาเฉพาะทางต่าง ๆ ทางจิตเวชศาสตร์

3. แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปี เข้าร่วมในกิจกรรมทางวิชาการ เช่น case conference, journal club

4. แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปี ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการรักษาด้วยการทำจิตบำบัด หรือวิธีการรักษาแบบใหม่ ๆ ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ทางจิตเวชศาสตร์

5. ทักษะหัตถการเวชกรรมทางจิตเวชศาสตร์ เช่น การรักษาด้วยไฟฟ้า


3) ทักษะระหว่างบุคคลและการสื่อสาร (Interpersonal and communication skills) แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปีต้อง

1. เรียนรู้เกี่ยวกับทักษะระหว่างบุคคล และการสื่อสาร

2. นำเสนอข้อมูลผู้ป่วยและอภิปรายปัญหาในกิจกรรมวิชาการต่างๆได้ เช่น case conference


4) การเรียนรู้และพัฒนาจากฐานการปฏิบัติ (Practice-based learning and improvement) แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปีต้องมีประสบการณ์ด้านต่าง ๆ ดังนี้

1. การเรียนรู้ในการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม และการทำงานร่วมกับสหวิชาชีพ

2. ประสบการณ์ด้านการสอน

3. การบันทึกข้อมูลในเวชระเบียนผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์

4. ทำงานวิจัยให้ได้มาตรฐานตามเกณฑ์การสอบเพื่อวุฒิบัตรสาขาจิตเวชศาสตร์


5) ความสามารถในการทำงานตามหลักวิชาชีพนิยม (Professionalism) แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปีต้อง

1. ประพฤติตนอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติอันดีต่อผู้ป่วย ญาติ ผู้ร่วมงาน เพื่อนร่วมวิชาชีพ และชุมชน

2. สำรวจจิตใจ พัฒนาตนเอง เพื่อให้มีสุขภาวะที่ดี สามารถบริหารจัดการสถานการณ์ตามบริบทได้อย่างเหมาะสม

3. จัดการแสวงหาความรู้ พัฒนาไปสู่การเป็นผู้เรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต (continuous professional development) เพื่อธำรง และพัฒนาความสามารถด้านความรู้ ทักษะ เจตคติ และพฤติกรรม
ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาจิตเวชศาสตร์ที่มาตรฐาน และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วย และสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป

4. รับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย และคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม


6) การทำเวชปฏิบัติให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ (System-based practice)

แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปีต้องได้รับประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับระบบคุณภาพของโรงพยาบาล ในด้านต่างๆ ได้แก่ patient safety, crisis management, resource management,
กระบวนการ คุณภาพ และความปลอดภัยทางจิตเวชศาสตร์ และระบบการบริการทางสาธารณสุขของประเทศ


แผนงานฝึกอบรม

หลักสูตรของสถาบันฯ ได้จัดการฝึกอบรมที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ที่สะท้อนคุณสมบัติและขีดความสามารถ ทั้ง ๖ ด้าน ซึ่งประกอบด้วย

1) กิจกรรมวิชาชีพที่เชื่อถือไว้ใจได้ (Entrustable Professional Activities : EPA)

2) ขั้นขีดความสามารถ (Level of entrustment) มีการจำแนกผลการเรียนรู้และขีดความสามารถในกิจกรรมวิชาชีพที่เชื่อถือไว้ใจได้ (EPA) แต่ละเรื่อง เป็น ๕ ขั้น